4-9-54
วัดแม่หยวกไปไม่ยากอย่างที่ดูแผนที่หรอกค่ะ วัดแม่หยวกอยู่ ต.ช้างเผือก วิธีไปก็ไม่ยากอย่างที่คิด การเดินทางที่ง่ายที่สุดเมื่อมาจากในเมือง จากสี่แยกข่วงสิงห์ ใช้เส้นทางที่จะไปอ.แม่ริม อ.แม่แตง รวมทั้งไปปาย ก็ใช้เส้นทางนี้ ก็คือคือถนนโชตนา แ้ล้วเดินทางตรงไปทางทิศเหนือ เป็นถนนที่ใช้เดินทางไปทางทิศเหนือของจังหวัดเชียงใหม่ เมื่อถึงศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ (หลังใหม่นะ ไม่ใช่หลังเก่าที่อยู่ในเมือง เดี๋ยวจะไม่ถึงวัดแม่หยวก) ก็ข้ามมาฝั่งตรงข้าม ทางเข้าวัดจะอยู่ตรงข้าม เยื้อง ศาลากลางมาทางทิศใต้ (ดูป้ายก็ได้ค่ะ จะมีอยู่หน้าปากซอยโชตนา 26 และมีป้ายบอกว่าวัดแม่หยวก เห็นเด่นชัด) หากจะมาโดยรถโดยสารก็ง่ายมาก นั่งรถแม่ริมตรงคิวรถที่อนุสาวรีย์ช้างเผือก(หรือรถแม่แตงก็ได้) นั่งตรงมาทางทิศเหนือ บอกเขาว่าลงศาลากลาง แล้วข้ามมาฝั่งตรงข้าม เดินเข้าซอยโชตนา26ไปประมาณ500 เมตรก็จะเห็นวัดตั้งอยู่บนเนินได้อย่างง่ายดาย
วัดนี้น่าเที่ยวมาก เนื่องจากวัดตั้งอยู่บนเนินที่สูงกว่้าพื้นดินโดยรอบ เป็นวัดที่เก่าแก่ แต่บูรณะมาแล้วหลายยุคสมัย ข้าพเจ้าโชคดีมากที่มาวันที่เขากำลังทำความสะอาดวัดกันอยู่ มีัชาวบ้านมาเต็มไปหมด ชาวบ้านทุกคนช่วยเหลือกันทำความสะอาดวัด อันเป็นจุดเด่นของชาวพุทธคือ วัดเป็นศูนย์รวมจิตใจและเป็นศูนย์รวมการทำกิจกรรมของหมู่บ้าน ทุกคนจะมาช่วยเหลือกันซึ่งเ็ป็นจุดเด่นของชาวเชียงใหม่ไม่ว่าจะอยู่อำเภอใหน ข้าพเจ้าสังเกตเห็นว่าแม้แต่ชาวบ้านในเมืองก็ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน (อาจพบได้แต่ชาวบ้าน ส่วนไฮโซชาวเชียงใหม่ข้าพเจ้าไม่ทราบ) ทำให้สามามารถขออนุญาตท่านเจ้าอาวาสเข้าไปถ่ายรูปในวิหารได้ สอบถามได้ความว่า ช่างผู้สร้างวัดเป็นชาวลำพูน ส่วนรายละเอียดการสร้างอย่างอื่นท่านเจ้าอาวาสท่านมาใหม่ได้ประมาณ สิบปีจึงไม่ทราบ ข้าพเจ้าได้หมายเลขโทรศัพท์ของอดีตผู้ใหญ่บ้านของวัดนี้ชื่อพ่อหลวงทอน และปู่จ๋าน(อาจารย์ผู้นำประกอบพิธีของวัด)ชื่อพ่อหนานใจกาน จะทราบรายละเอียดทุกอย่าง แต่ละท่านก็อายุเจ็ดสิบ กะเก้าสิบปีแล้ว ข้าพเจ้าเห็นว่าควรโทรศัพท์นัด แล้วจะเอารายละเอียดของวัดมาให้ชมกันในคราวต่อไป ส่วนประวัติของวิหารหลวง ท่านบอกว่า เดิมเป็นวิหารวังดิน ต่อมาคับแคบจึงขยายด้านหลังวิหารให้เกือบชิดพระธาตุและสร้างพระนอนในวิหาร(เห็นจะมีที่นี่เพียงวัดเดียวที่มีพระนอนเป็นพระประธานในวิหาร)
อีกอย่ืางที่ชอบของวัดนี้คือ บันได้นาคทางทิศใต้ ช่างฝีมือสร้างได้น่ากลัวดีจัง ดูเหมือนว่าหัวของนาคน่าจะงอผิดจากนาคที่วัดอื่น ข้าพเจ้าก็บอกไม่ถูก เหมือนกับว่้ากำลังโยกหัวอยู่ทีเดียว เป็นศิลปะของช่างที่สร้างให้ดูเหมือนมีชีวิตค่ะ (นาคหัวโตกว่านาคหน้าวิหารอีก)
การเดินทางครั้งนี้ได้ประโยชน์มาก เนื่องจากข้าพเจ้าได้ความรู้เพิ่มเติมเรื่องวิหารวังดิน ซึ่งเจ้าอาวาสบอกว่าเป็นวิหารที่สร้างติดพื้นดิน(เห็นจะมีแต่ที่เชียงใหม่) ข้าพเจ้าไปในเมืองมาเกือบครบทุกวัดแล้วไม่เห็นสักวัด ท่านเจ้าอาวาสบอกว่าวิหารเดิมของวัดนี้เป็นวิหารวังดิน ท่านเจ้าอาวาสบอกว่าท่านเคยเห็นว่ายังเหลืออยู่ที่สันทรายและสะเมิง ข้าพเจ้าก็เลยจะไปสืบหามาให้ทราบกันต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น