สิ่งที่น่าสนใจที่สุดของวัดช่างเคี่ยนคือ อุโบสถที่สร้างขวางทางตะวัน เรียกว่า มหาอุตม์ ซึ่งอุโบสถของล้านนาจะพิเศษกว่าของภาคกลางคือสามารถเข้าได้ทางเดียว โดยเป็นอุโบสถแห่งเดียวในประเทศไทยที่สร้างพระนอนในอุโบสถ ซึ่งเป็นพระปางประจำคนเกิดวันอังคาร น่าแปลกคือผู้อุปถัมภ์วัดส่วนใหญ่จะผ่านวิกฤตชีวิต หรือ มาอธิษฐานขอพรจากพระพุทธรูปของอุโบสถสำเร็จ เป็นผู้เกิดวันอังคารทั้งสิ้น ท่านบอกว่าสมัยโบราณเขาใช้อุโบสถนี้เป็นสถานที่ประกอบพิธีสำหรับให้ศาสตราวุธมีอำนาจ ท่านบอกว่าที่สร้างพระนอนอาจเนื่องจากความเชื่อที่ว่า วันอังคาร แรงที่สุดในบรรดาวันต่างๆ ดังนั้นจึงนาจะเกิดอิทธิฤทธิ์สูงสุด ทางวัดจึงเคร่งครัดมาก และไม่อนุญาตให้ผู้หญิงเข้าในอุโบสถ ข้าพเจ้าจึงแนะนำท่านว่า ให้ทำที่กั้นไม่ให้เข้าแต่สามารถมองดูและไหว้พระจากนอกประตูได้ ที่น่าแปลกอีกอย่างคือ ยอดพระโมลีของพระนอนแทงเข้าไปในผนังอุโบสถลึกประมาณ 2 นิ้ว ทางวัดจึงได้ปฏิสังขรณ์พร้อมกับเจาะผนังไม่ให้พระโมลีชนกำแพง
วิหาร ท่านเจ้่าอาวาสบอกว่า อายุน่าจะไม่ต่ำกว่า 100 ปี เป็นขนาดและทรงดั้งเดิม สังเกตได้จากการใช้ไม้ลิ่มตอกแทนตะปู อาจมีการเปลี่ยนกระเบื้องหลังคาบ้างแต่ชาวบ้านไม่ให้เปลี่ยนแปลงรูปทรงวิหาร ส่วนหน้าบรรณ ท่านบอกว่าถ้าสังเกตให้ดู ลายปูนปั้นจะคล้ายกับอุโบสถเก่าที่ประดิษฐานพระเก้าตู้ของวัดสวนดอก ซึ่งข้าพเจ้าก็เห็นด้วย เนื่องจากข้าพเจ้าเคยไปถ่ายภาพด้านหลังวิหารวัดสวนดอก (แต่ของวัดสวนดอกไม่ได้ทาสีใหม่แบบของวัดช่งเคี่ยน) ลวดลายปูนปั้นติดกระจก คล้ายคลึงกันเป็นลายเก่า แต่ว่าทางวัดช่างเคี่ยนเพิ่งทาสีใหม่ค่ะ
ขอขอบคุณท่านเจ้าอาวาสของวัดช่างเคี่ยน พระปลัดพอใจ ฉนฺทโก ในการอำนวยความและอนุญาตให้บันทึกภาพสิ่งปลูกสร้าง ตลอดจนให้ความรู้และความเป็นมาเกี่ยวกับสิ่งปลูกสร้างของวัดช่างเคี่ยน
ประวัติวัดช่างเคี่ยน
วัดช่างเคียน ตั้งอยู่ ณ เลขที่ 1 บ้านช่างเคี่ยน ถนนห้วยแก้ว ตำบลช้างเผือก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย พื้นที่ตั้งวัดมีเนื้อที่ 5 ไร่ 49 ตารางวา โฉนดเลขที่ 29330
ประวัติความเป็นมา จากการศึกษาข้อมูลเบื้องต้นของคำพื้นเมืองล้านนาที่เกี่ยวกับ
ประวัติความเป็นมา จากการศึกษาข้อมูลเบื้องต้นของคำพื้นเมืองล้านนาที่เกี่ยวกับ
คำว่า "ช่าง" นำหน้า เช่น วัดช่างกระดาษ อำเภอสันป่าตอง วัดช่างคำ (ช่างทอง) อำเภอหางดง และวัดช่างเคิ่ง (เครื่องประดับ) อำเภอสารภี สันนิษฐานว่า คำว่า "ช่าง" คงเป็นวัดในกลุ่มที่ราชวงศ์กาวิละได้มาฟื้นฟู ภายหลังจากที่ขับไล่พม่าออกไปจากเชียงใหม่ได้สำเร็จในปี พ.ศ. 2347 และคำว่า "เคี่ยน" แปลว่า "กลึง" อย่างไรก็ตาม จากการออกสำรวจพื้นที่เพื่อสืบสาวหาประวัติความเป็นมาของชุมชนในบริเวณหมู่บ้านช่างเคี่ยน ตำบลช้างเผือก ข้อมูลสัมภาษณ์ชุดหนึ่ง ซึ่งได้มาจากพ่ออุ้ยมอย อินต๊ะชาญ อายุ 92 ปี มีใจความว่าในชั่วชีวิตของท่านประมาณ 85 ปีที่ผ่านมา เท่าที่จำความได้ ท่านยังไม่เคยเห็นว่ามีช่างเคี่ยนหรือช่างกลึงในหมู่บ้านนี้เลย ประกอบกับในตำนานพระธาตุดอยสุเทพเรียกท้องที่ละแวกนี้ว่า "ช้างเคียน" คำว่าช่างเคี่ยนจึงอาจมาจากคำนี้ได้เช่นกัน นอกจากนี้พ่ออุ้ยมอยยังได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับประวัติของวัดและหมู่บ้านช่างเคี่ยนว่า เดิมสถานที่ตั้งวัดในปัจจุบันเป็นปางช้างของเจ้าหลวงเชียงใหม่ โดยช้างในปางช้างแห่งนี้มีหน้าที่ขนอุปกรณ์จำพวกวัสดก่อสร้างขึ้นไปบูรณะพระธาตุดอยสุเทพ ต่อมาในปีพ.ศ. 2477 ครูบาศรีวิชัยนักบุญล้านนาไทยได้สร้างถนนตามแนวทางของช้างที่เดินต่างของขึ้นไปนี้เอง ก่อนกลับท่านยังแนะนำให้เยี่ยมชมสู่เว็บไซต์ของวัดช่างเคี่ยน(เข้าสู่เว็บไซต์วัดช่างเคี่ยน) ซึ่งข้าพเจ้าได้ดาวโหลดประวัติของวัดช่างเคี่ยนมาจากเว็บไซต์ของวัด ต้องขอขอบพระคุณท่านเจ้าอาวาสซึ่งท่านมีเมตตาอำนวยความสะดวกในการบันทึักภาพและประวัตของสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ในวัดเป็นอย่างดี อีกทั้งยังเป็นโชคดีของข้าพเจ้าที่ท่านเจ้าอาวาสยังได้แนะนำให้รู้จักช่างปิดทองท่านหนึ่งชื่อว่า ช่าง ภคพน จอมนาสวน ซึ่งช่างกำลังปิดทองโต๊ะหมู่บูชาของวัดอยู่พอดีสอบถามแล้วปรากฎว่าช่างผู้นี้ยังมีผลงานหลายชิ้นในวัดของจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งข้าพเจ้าจะลงรายละเอียดผลงานของช่างผู้นี้ ตลอดจนผลงานของช่างผู้รังสรรค์ผลงานเกี่ยวกับวัดในจังหวัดเชียงใหม่ทุกท่าน ในเว็บไซต์ Chaigmai Magazine เท่าที่จะหาข้อมูลได้ต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น